ปัจจุบันเรื่องของการลดน้ำหนักดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากคือการประเปลี่ยนวิธีการหรือพฤติกรรมการกินของเรานั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารให้ตรงเวลาหรือรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินของที่มีประโยชน์ก็จะทำให้สุขภาพของท่านทั้งหลายดีและน้ำหนักลดลง จะท่านทราบหรือไม่ว่า…นอกจากการเลือกกินแล้ววิธีการทำหรือปรุงอาหารก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพและการลดน้ำหนักเช่นกัน วันนี้เราจึงอยากแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึง “วิธีการปรุงที่เหมาะสม” ปริมาณที่ควรกินต่อวันไม่ควรเกินเท่าไหร่? และประโยชน์ของกินแบบนี้จะส่งผลดีต่อร่างกายของเราอย่างไร? เราจะไปพบกับคำตอบกันครับ
การกินที่ดี มีประโยชน์หมายถึงอะไร?
การกินที่ดี หมายถึง การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ควบคู่กับการกินที่เป็นเวลาอย่างเหมาะสม และมีพฤติกรรมการกินที่ดีไม่กินจุกกินจิกรบกวนระบบการย่อยอาหาร ซึ่งเราสามารถแบ่งการกินที่ดีออกเป็นข้อๆ ดังนี้
●กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หมั่นดูแลน้ำหนักตัว พยายามกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่จำเจอยู่เพียงอาหารไม่กี่ชนิด เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบถ้วน
●กินข้าวเป็นอาหารหลัก ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญในการให้พลังงาน สารอาหารที่จำเป็นซึ่งได้แก่ “คาร์โบไฮเดรต” โดยเฉพาะข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ ซึ่งเป็นข้าวที่ขัดสีน้อยและเป็นข้าวที่มีประโยชน์มากกว่าข้าวที่ขัดสีจน
●กินผักและผลไม้อย่างสม่ำเสมอ พืชผักและผลไม้ เป็นแหล่งสำคัญของวิตามินและแร่ธาตุ รวมทั้งสารอื่นๆ ที่จะช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ชะลอการเสื่อมสลายของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดูสดใส ไม่แก่เกินวัย
●รับประทานเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อปลาและหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีปริมาณไขมันสูง โปรตีนเป็นสารอาหารและแหล่งพลังงานสำคัญของร่างกายก็จริง แต่หากรับประทานอาหารอาหารที่มีไขมันแทรกซ้อนเป็นจำนวนมากจะก่อให้เกิดการสะสมและของไขมันส่วนเกินและส่งผลเสียต่อร่างกายได้ในระยะยาว ซึ่งเนื้อสัตว์จำพวกปลาจะมีปริมาณโปรตีนและไขมันดีมากกว่าเนื้อสัตว์ใหญ่จำพวกเนื้อวัวหรือเนื้อหมูนั้นเองครับ
●ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8 แก้วหรือ 2 ลิตรต่อวัน อย่างที่ทราบกันดีว่า…ร่างกายของมนุษย์เรานั้นประกอบไปด้วยน้ำถึง 70% ซึ่งหากเปรียบเทียบกับระหว่างการขาดน้ำกับการขาดอาหารแล้ว ร่างกายขาดน้ำอันตรายถึงชีวิตมากกว่าแน่นอนครับ การกินน้ำจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นชุ่มชื่น ไม่อ่อนเพลีย อีกทั้งยังทำให้ผิวพรรณผ่องใสอีกด้วยครับ
●หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด การรับประทานอาหารรสหวานหรือเค็มจัด จะส่งผลต่อการรับปริมาณของโซเดียมและน้ำตาลในเลือด หากบริโภคมากเกินไป จะเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง มีไขมันพอกตามอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน โรคไตและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเนื่องจากไขมันอุดตันได้อีกด้วยครับ
กินอาหารรสจัด มีผลต่อร่างกายอย่างไร?
●รสเค็ม การกินเค็มจัดหรือกินอาหารที่มีโซเดียมเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ไตจะทำงานหนัก เพื่อเร่งขับเกลือออกจากร่างกายให้มากที่สุด ส่งผลให้ไตเกิดความเสียหาย ทำลายไตและหัวใจในที่สุด
●รสเปรี้ยว การรับประทานอาหารที่มีรสเปรี้ยวมากๆ จะส่งผลต่อกระเพาะอาหาร ความเปรี้ยวจะเป็นการเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารส่งผลทำให้เกิดท้องอืด อาหารไม่ย่อยได้และทำให้เสี่ยงเป็นโรคกระเพาะ นอกจากนี้ยังทำให้สารเคลือบฟันบางลง เกิดอาการเสียวฟันและฟันผุง่ายขึ้นได้ง่ายขึ้น
●รสหวาน การกินอาหารที่มีรสหวานจัด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ตับอ่อนต้องทำงานเพื่อผลิตอินซูลินมากขึ้น และในที่สุดก็จะป่วยเป็นโรคเบาหวาน
●รสเผ็ด จริง ๆ แล้ว ลิ้นของเราไม่มีต่อมรับรู้รสเผ็ด แต่รสเผ็ดคืออาการระคายเคืองของลิ้น เมื่อยิ่งกินเผ็ดมาก ยิ่งเพิ่มความระคายเคืองของเนื้อเยื่อ หากส่องกล้องดู จะพบว่าเนื้อเยื่อระบบทางเดินอาหารอักเสบและบวมแดง ส่งผลให้เกิดกรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน และท้องผูกสลับท้องเสียได้
การลดปรุงส่งผลดีต่อสุขภาพจริงหรือ?
การลดการปรุงอาหารไม่ให้รสจัดจนเกินจะช่วยทำให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้ปกติ ไม่มีอวัยวะใดทำงานหนัก อาทิเช่น หากกินเค็มมากเกินไป อวัยวะอย่างไตจะทำการจำกัดโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย เป็นต้น ทั้งนี้การลดปรุงยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ซึ่งกล่าวไปก่อนหน้านี้และยังช่วยในการดูแลน้ำหนักของเราได้อีกด้วย
เป็นอย่างไรบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “แค่ลดปรุงก็เป็นการทำเพื่อสุขภาพได้ง่ายๆ” ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้ทุกๆ ท่านเข้าใจถึงประโยชน์ของการลดปรุงที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ
